ทริปดูงาน

วันจันทร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

การพัฒนาชุมชน


กรมการพัฒนาชุมชน ได้ส่งเสริมการพัฒนาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงโดยน้อมนำแนวคิดปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียง
ขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มาเป็นแนวทางปฏิบัติโดยในปี 2552 และ 2553 ได้สนับสนุนงบประมาณในการพัฒนา
หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ ใน 3 ระดับ คือ พออยู่พอกัน อยู่ดีกินดี และมั่งมีศรีสุข จำนวน 910 หมู่บ้าน
และปีงบประมาณ 2554 ได้กำหนดให้มีการขยายผลส่งเสริมหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง
เป็นโครงการหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบเฉลิมพระเกียรติฯ ใน 1,756 หมู่บ้าน การส่งเสริมหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง
เพื่อให้เป็นต้นแบบใน 3 ระดับ (พออยู่พอกัน อยู่ดีกินดี มั่งมีศรีสุข) มีหลักเกณฑ์ในการประเมินความสำเร็จผ่านตัวชี้วัดต่าง ๆ
จำนวน 23 ตัวชี้วัด เพื่อให้เกิดความเข้าใจในการปฏิบัติที่ชัดเจนขึ้น ในการพัฒนาแต่ละระดับเปรียบเสมือนการขึ้นบันได
จะมีชานพัก ให้เห็นภาพเป็นมิติ ๆ ไป ซึ่งสามารถแยกเป็นชานพักเป็น 3 ชานพัก ใน 3 มิติ คือ มิติด้านสังคม มิติด้านเศรษฐกิจ
และมิติด้านอนุรักษ์และเรียนรู้


หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ ระดับพออยู่พอกิน
มิติด้านสังคม มีการสามัคคีและร่วมมือกันของคนในหมู่บ้าน สามารถจัดเวทีประชาคมเพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้
มีข้อปฏิบัติร่วมกันให้คนในชุมชนปฏิบัติ รู้จักรักษาสิทธิและหน้าที่ตามระบอบประชาธิปไตย
มิติด้านเศรษฐกิจ ครัวเรือนส่วนใหญ่มีการจัดทำบัญชีรายรับรายจ่าย และเข้าร่วมเป็นสมาชิกของกลุ่มต่าง ๆ ในหมู่บ้าน
มิติด้านอนุรักษ์ มีข้อมูลของชุมชนที่จัดเก็บเป็นศูนย์เรียนรู้ชุมชน ใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม และเรียนรู้
มีการวางแผนอนุรักษ์ จัดการทรัพยากรธรรมชาติโดยใช้กลุ่มองค์กร


หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ ระดับอยู่ดีกินดี จะต้องมีตัวชี้วัดเพิ่มเติม ดังนี้
มิติด้านสังคม มีกองทุนสวัสดิการชุมชน การส่งเสริมด้านคุณธรรม จริยธรรม ที่เป็นรูปธรรม
มิติด้านเศรษฐกิจ มีกิจกรรมลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ส่งเสริมการออมที่เห็นผลชัดเจน
มิติด้านอนุรักษ์ มีการใช้ประโยชน์จากข้อมูลหรือแผนชุมชนไปปฏิบัติจริง สามารถแก้ปัญหาต่าง ๆ และเรียนรู้ด้วยตนเองในระดับหนึ่ง
และมีการใช้พลังงานทดแทนที่เหมาะสมในพื้นที่


หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ ระดับมั่งมีศรีสุข ต้องมีตัวชี้วัดเพิ่มขึ้นอีก คือ
มิติด้านสังคม ชุมชนเป็นชุมชนเข้มแข็ง ปลอดยาเสพติด มีการนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปปฏิบัติได้จริง
มิติด้านเศรษฐกิจ มีการจัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชน สามารถส่งเสริมผลิตภัณฑ์และกิจกรรมในชุมชนที่ชัดเจน
มิติด้านอนุรักษ์ มีการค้นหาและนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาสร้างคุณค่า สร้างภาคีเครือข่าย และเรียนรู้การพัฒนาที่ชัดเจน
และสร้างมูลค่าเพิ่มจากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้แก่ชุมชนได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น